ส่วนที่ 2
ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เสนอเป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นท้าทาย เรื่อง
การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเชิงคำนวณ
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
แนวคิดเชิงคำนวณเป็นทักษะในการแก้ปัญหา การวิเคราะห์ การออกแบบหรือการพัฒนาระบบด้วยมนุษย์
การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็นรูปแบบการเรียนรู้ภายใต้ความเชื่อว่าผู้เรียนจะสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดในบรรยากาศของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 วิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2561) และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ในเรื่องของวิสัยทัศน์ คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานการเรียนและตัวชี้วัด
2.2 พัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งได้แก่

1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา

2) แบบวัดทักษะการคิดเชิงคำนวณ
2.3 นำเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปตรวจสอบคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาตรวจสอบความเหมาะสมและแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และ Tryout
พบว่าข้อคำถามในแบบวัดทักษะการคิดเชิงคำนวณมีความยากง่าย 0.37 - 0.69 และอำนาจจำแนก 0.21 - 0.48
พบว่าประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา มีค่าเท่ากับ 84.59/80.95 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2.4 นำเครื่องมือไปใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบวัดทักษะการคิดเชิงคำนวณ เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาก่อนเรียน
2.5 จัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา ใช้ระยะเวลาในการทดลอง 8 สัปดาห์ โดยที่
1) ผู้วิจัยชี้แจงให้กลุ่มตัวอย่างเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการใช้งานบทเรียนออนไลน์สำหรับการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา กิจกรรม สื่อสำหรับการจัดการเรียนรู้
2) นักเรียนสามารถสอบถามข้อสงสัยจากผู้วิจัยได้ตลอดเวลา และผู้วิจัยมีการติดตามการเรียนในแต่ละสัปดาห์
3) หลังจากเรียนเนื้อหาครบตามที่ผู้วิจัยได้จัดเตรียมไว้ครบทั้ง 8 สัปดาห์ ให้นักเรียนทำการวัดทักษะการคิดเชิงคำนวณ เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาหลังเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ
2.6 นําคะแนนทักษะการคิดเชิงคำนวณก่อนและหลังเรียน มาทำการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมสําเร็จรูปโดยวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
จากตารางที่ 2 คะแนนทักษะการคิดเชิงคำนวณ จากการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เรื่องการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา หลังเรียนมากกว่าก่อนเรียนที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
จำนวนนักเรียนมีระดับทักษะการคิดเชิงคำนวณหลังการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐานด้วยสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน มากกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 88.55 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ขึ้นไป

3.2 เชิงคุณภาพ
นักเรียนมีทักษะการคิดเชิงคำนวณที่ดีขึ้น และสามารถนำแนวคิดเชิงคำนวณไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาสถานการณ์ในชีวิตประจำวันได้ พิจารณาจากชิ้นงานที่นักเรียนจัดทำขึ้น






